สปริงแข็ง = อัดลมในถุงลมมาก = ช่วงล่างแข็ง = รับน้ำหนักได้มาก
สปริงอ่อน = อัดลมในถุงลมอ่อน = ช่วงล่างนิ่ม = ขับขี่ได้นุ่มนวล
ยกสปริงให้สูง = อัดลมให้ถุงลมยืดตัว = ยกรถให้สูงขึ้น = ลุยได้มากขึ้น
ใส่สปริงให้ต่ำ = เอาลมออก = โหลดรถให้ต่ำลง = ลดการต้านลมเวลาวิ่ง หรือ ขึ้น-ลงรถได้สะดวกขึ้น
หรืออาจใช้ในการช่วยสร้างความสมดุลให้ตัวรถก็ได้ ซึ่งช่วงล่างแบบปกติไม่สามารถทำได้ เช่น ในกรณีที่บรรทุกของหนักมากๆ ทำให้หน้ายก ก็สามารถอัดลมเข้าไปในถุงลมเฉพาะด้านหลัง เพื่อให้รับน้ำหนักได้มากขึ้นโดยไม่ยุบลงไปก็ได้ หรือในกรณีที่บรรทุกของหนักไปข้างหนึ่ง ก็สามารถอัดลมเข้าไปในถุงลมเฉพาะข้างซ้ายหรือขวาก็ได้เช่นกัน ทำให้รถยังคงรักษาระดับได้เหมือนเดิม
จากที่กล่าวมาแล้วตอนต้นแล้วว่า นอกจากปรับความแข็งหรือนุ่มนวลของช่วงล่างได้แล้ว ช่วงล่างถุงลมนี้ก็มักจะถูกนำไปใช้ให้ทำหน้าที่ในการปรับความสูงของตัวรถ โดยเมื่ออัดลมเข้าไป มันก็จะทำให้ถุงลมยืดตัวขึ้น ตัวรถก็จะถูกยกให้สูงขึ้น พอเอาลมออกรถก็เตี้ยลง ๆ... งานนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับรถ SUV ไฮโซ ๆ ที่มักจะถูกใช้ในเมือง ก็ปรับให้มันเตี้ย ๆ ไว้ จะได้ทรงตัวได้ดี ๆ ขึ้น-ลง ก็สะดวก และพออยากเข้าป่าก็ค่อยอัดลมเข้าไป ยกให้สูงแล้วค่อยลุยต่อ... ประโยชน์อีกอย่างสำหรับการยกขึ้นยกลงก็คือ สามารถใช้ประโยชน์ เวลารถต้องแบกของหนัก ๆ ที่ด้านหลัง เป็นเหตุให้เกิดอาการหัวเชิด หยิ่งเกินไป... เราก็สามารถอัดอากาศเข้าไปในถุงลมที่ล้อด้านหลังซะ... แค่นี้หน้าก็ไม่เชิดแล้ว
|